พิชัย สั่งคุมเข้มการซื้อขาย 'ปาล์มน้ำมัน-ยางพารา'ป้องกันเกษตรกรโดนเอาเปรียบ
พิชัย สั่งการติดตามการซื้อขาย 'ปาล์มน้ำมัน-ยางพารา'อย่างใกล้ชิด เข้มปิดป้ายแสดงราคา ตรวจสอบเครื่องชั่ง ป้องกันการเอาเปรียบเกษตรกร พร้อมเดินหน้าหาตลาดส่งออก เพื่อช่วยระบายผลผลิต ย้ำหากพบเห็นการเอารัดเอาเปรียบ แจ้งสายด่วน 1569 หรือ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. จะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา ได้ประชุมติดตามสถานการณ์สินค้าปาล์มน้ำมันและยางพารา โดยสั่งการให้กรมการค้าภายในดำเนินการติดตามสถานการณ์การรับซื้อผลปาล์มน้ำมันและยางพาราในพื้นที่อย่างเข้มงวด
กำหนดให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจน มีการรับซื้อเป็นไปตามราคาที่แสดงไว้ และตรวจสอบเครื่องชั่งให้มีความเที่ยงตรง หากพบไม่ปฏิบัติตาม ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเอาเปรียบเกษตรกรและสร้างความเป็นธรรมในการรับซื้อ
สำหรับ ปาล์มน้ำมัน สถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับโรงสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่หยุดการรับซื้อในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาผลปาล์มปรับตัวลดลง แต่ยังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ ทั้งโรงสกัดและลานเทได้เปิดรับซื้อตามปกติแล้ว แต่ด้วยผลผลิตที่ออกกระจุกตัวและมีปริมาณมากในช่วงนี้ จึงได้สั่งการให้ติดตามการรับซื้ออย่างใกล้ชิด
ส่วนของยางพารา กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดให้เป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการยางพาราที่รับซื้อยางพารา 5,000 กิโลกรัม (กก.) ขึ้นไป ต้องแจ้งปริมาณซื้อ-ขาย-คงเหลือ และสถานที่เก็บ เพื่อให้สามารถประเมินอุปทานของสินค้าในตลาดภายในประเทศได้อย่างถูกต้อง
และยังมีการกำกับดูแลการรับซื้ออย่างเคร่งครัดให้เป็นไปตามกฎหมาย ทั้งในเรื่องการปิดป้ายแสดงราคาให้มีความชัดเจน และการใช้เครื่องชั่งที่ได้มาตรฐานตามที่กรมการค้าภายในกำหนด เพื่อดูแลเกษตรกรไม่ให้ตกเป็นเหยื่อกลโกงจากมิจฉาชีพในการรับซื้อยางพารา
นายพิชัย กล่าวว่า ขณะนี้การส่งออกน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยนอกจากตลาดส่งออกเดิมที่มีการขยายตัว กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งหาตลาดส่งออกใหม่ เพื่อผลักดันการส่งออกและเพิ่มปริมาณการส่งออก ซึ่งจะช่วยสร้างความต้องการซื้อในประเทศและทำให้ราคาผลผลิตสินค้าเกษตรในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมโดยรวม
นอกจากนี้ ได้มอบให้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ศึกษาแนวทางในการพัฒนาสินค้ายางพาราเพื่อปรับตัวเข้าสู่การค้ายุคใหม่ โดยให้ความรู้และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยางพาราทั้งในระดับโลกและภายในประเทศ พร้อมแนวทางปรับตัวให้สอดรับกับยุคการค้าใหม่ ซึ่งทราบว่าอุตสาหกรรมยางพาราทั่วโลกยังคงเติบโต มีความต้องการเนื้อยางและผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่ผลผลิตจะล้นตลาดและราคายางลดลง ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญของประเทศผู้ผลิต โดยไทย แม้จะเป็นผู้ผลิตยางพาราอันดับหนึ่งของโลก แต่ผลผลิตต่อไร่ของไทยยังอยู่ในอันดับที่ 11 เมื่อเทียบกับหลายประเทศ ส่งผลให้จำเป็นต้องเร่งปรับตัวและพัฒนาเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ทั้งในแง่ของการเพิ่มผลผลิต การแปรรูปเพิ่มมูลค่า และการขยายตลาดส่งออกทั้งภายในและภายนอกประเทศ
อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรพบเห็นพฤติกรรมไม่โปร่งใสหรือสงสัยว่าถูกเอาเปรียบ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์ชั่งตวงวัดและสำนักงานสาขาชั่งตวงวัดทั่วประเทศ หรือสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. กระทรวงพาณิชย์จะใช้กลไกตามกฎหมายควบคู่กับการบริหารจัดการเชิงรุก เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคา
โดยจะเดินหน้าตรวจสอบ เฝ้าระวัง และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานด้านราคาสินค้าเกษตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อขายให้เกิดความเป็นธรรม