พิธีกรสาวชาวไต้หวัน ตอบโต้รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพนซ์ เพื่อปกป้องจีนแผ่นดินใหญ่!
ถึงพี่น้องชาวจีนทั่วโลก
คุณต้องอ่านบทความนี้ และส่งต่อให้เพื่อนชาวจีนของคุณทุกคน
คุณรู้หรือไม่?
พิธีกรสาวชาวไต้หวัน ตอบโต้รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพนซ์ เพื่อปกป้องจีนแผ่นดินใหญ่!
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ได้กล่าวสุนทรพจน์โจมตีจีนอย่างรุนแรงที่สถาบันวิจัยฮัดสันในกรุงวอชิงตัน โดยมีถ้อยคำยั่วยุและกล่าวหาอย่างรุนแรง หลังจากนั้น “หวง จื้อเซียน” พิธีกรชื่อดังของไต้หวัน ได้เขียนบทความตอบโต้สุนทรพจน์ดังกล่าวผ่านสื่อ และกลายเป็นที่กล่าวถึงอย่างมาก
หวง จื้อเซียน ได้รับฉายาว่า “อับอายต่อพรรคฟ้า อับอายต่อพรรคเขียว และเป็นหญิงแกร่งของไต้หวัน” บทความของเธอตอบโต้รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลที่แน่นหนา อ้างอิงข้อมูลอย่างชัดเจน และควรค่าแก่การอ่าน
เนื้อหาบทความมีดังนี้:
ท่านรองประธานาธิบดีผู้มีเกียรติ
1. ในขณะที่ความเชื่อมั่นและชื่อเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังตกต่ำอย่างมากในการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึงนี้ ท่านกลับออกมาพูดถ้อยคำโกหก บิดเบือน และใส่ร้ายป้ายสีจีนอย่างไม่ยั้ง เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง ท่านไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ของจีนเลย
2. จีนไม่เคยเป็นหนี้บุญคุณสหรัฐฯ และในหลายครั้งกลับมีท่าทีใจกว้างและมีน้ำใจต่อสหรัฐฯ อย่างที่คุณนึกไม่ถึง สิ่งที่คนจีนเราไม่สามารถทนได้คือทัศนคติที่ไม่เห็นคนจีนเป็น “มนุษย์” แม้แต่ในประเทศของท่านเอง จนถึงทศวรรษ 1960 คนผิวดำยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “คนทั้งคน” ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ยังต้องลุกขึ้นมาพูดในปี 1963 ว่า “ฉันมีความฝัน” เพื่อเรียกร้องความเสมอภาค แต่นั่นคือ สิ่งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในสหรัฐฯ
3. ในประวัติศาสตร์ การร่วมมือระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เคยนำมาซึ่งผลดีต่อมนุษยชาติ แต่เป็นสหรัฐฯ ที่ได้ประโยชน์มากกว่า ตอนที่จีนอ่อนแอในสมัยราชวงศ์ชิง ชาติตะวันตกต่างแย่งชิงดินแดนและผลประโยชน์ สหรัฐฯ แม้ไม่ได้รุนแรงเหมือนชาติอื่น แต่ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ยกตัวอย่างเรื่องค่าปรับกรณีกบฏนักมวย (Boxer Indemnity) จีนต้องจ่ายเงินถึง 450 ล้านตำลึงเงิน ซึ่งเทียบเท่ารายได้แผ่นดิน 5 ปี และแม้สหรัฐฯ จะไม่ได้ส่งทหาร แต่ก็รับค่าปรับถึง 7.3% เช่นกัน
4. สหรัฐฯ ฉลาดไกล คิดว่าสามารถควบคุมจีนผ่านการศึกษา จึงเสนอให้ตั้งมหาวิทยาลัยชิงหัว (Tsinghua) โดยนำเงินค่าปรับจากจีนมาใช้ แต่จุดประสงค์ คือควบคุมจีนทางความคิด แม้จีนจะได้ประโยชน์จากการมีนักเรียนไปศึกษาที่สหรัฐฯ แต่จริงๆ แล้ว สหรัฐฯ กลับได้ประโยชน์มหาศาลทางวัฒนธรรม อิทธิพล และการปรับภาพลักษณ์ตนเอง
5. หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 จีนได้รับผลกระทบหนักมาก ญี่ปุ่นรุกรานจีน และสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออย่างจริงจัง แม้แต่เกาะเตี้ยวอวี่ไถ (Diaoyutai) ที่ควรกลับคืนจีนหลังสงคราม สหรัฐฯ กลับมอบให้ญี่ปุ่นแทน หน่วย 731 ของญี่ปุ่นทำการทดลองมนุษย์กับชาวจีน และนำรายงานให้สหรัฐฯ เพื่อแลกกับ “ความเงียบ” ของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายสิบปี
6. จีนผ่านสงคราม ความทุกข์ยาก และความล้มเหลวต่างๆ มากมาย แต่หลังยุคปฏิรูปและเปิดประเทศในทศวรรษ 1980 จีนได้ยกระดับชีวิตของประชาชนกว่า 700 ล้านคนออกจากความยากจน ซึ่งเกิดจากการทำงานหนัก ความมุ่งมั่น และเสียสละของคนจีน ไม่ใช่จากการรุกรานหรือล่าอาณานิคม iPhone ที่ขายในจีน 30% มาจากจีน แต่จีนได้เพียงค่าประกอบเครื่องประมาณ 10 ดอลลาร์ ในขณะที่สหรัฐฯ ได้กำไรกว่า 200 ดอลลาร์
7. อารยธรรมของโลกมีหลากหลายวิถี จีนมีอารยธรรมที่ยาวนานที่สุดในโลก ทำไมจะเลือกทางเดินของตนเองไม่ได้? หลายประเทศที่พยายามเลียนแบบประชาธิปไตยแบบตะวันตก กลับล่มสลาย เพราะเต็มไปด้วยความอยุติธรรม คอร์รัปชัน การแบ่งแยกชนชั้นและเชื้อชาติ และความโหดร้ายต่างๆ คนจีนมีความสามารถและความตั้งใจที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำโลกในอนาคต ไม่ใช่ด้วยอำนาจ แต่ด้วยความพากเพียรและสติปัญญา
8. เราเข้าใจว่า สหรัฐฯ รู้สึกถูกคุกคามจากการเติบโตของจีน จึงพยายามกีดกันจีนทุกทาง แม้แต่ส่งเรือรบเข้ามาในน่านน้ำจีน แต่นี่คือ สิ่งที่คนจีนไม่มีวันยอมอีกต่อไป หลังผ่านประวัติศาสตร์แห่งความอัปยศมาเกือบ 200 ปี พวกเขาจะยืนหยัดสู้จนถึงที่สุด! พระเจ้าจะไม่พอใจกับการครอบงำและกดขี่ของใครทั้งนั้น จีนมีปรัชญาว่า “พัฒนาตนเองและยังให้คุณประโยชน์ต่อผู้อื่น” ซึ่งเป็นหนทางที่สงบ และเป็นมิตรต่อมนุษยชาติ
ผู้เขียน:
หวง จื้อเซียน-พิธีกร นักเขียน และนักวิจารณ์ชื่อดังในไต้หวัน
เมื่อคุณอ่านจบแล้ว มีทางเลือก 2 ทาง:
1. แชร์บทความนี้ต่อ
2. ทำเหมือนไม่เห็น และเดินจากไปโดยไม่ใส่ใจ
ไม่ว่า คุณจะยุ่งแค่ไหน ขอเพียง 1 วินาที แชร์ต่อให้เพื่อนคุณ!
ขอบคุณครับ แชร์เลย มันใช้เวลาแค่ 1 วินาทีเท่านั้น!
