ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน

วรวงศ์ เรียกร้อง ธปท. กดบาทอ่อน ช่วยผู้ส่งออกสู้ภาษีทรัมป์ เริ่มดีเดย์ 7 ส.ค.นี้

หมวดหมู่: พาณิชย์
วันที่สร้าง วันอังคาร, 12 สิงหาคม 2568 11:35
ฮิต: 50
วรวงศ์ เรียกร้อง ธปท. กดบาทอ่อน ช่วยผู้ส่งออกสู้ภาษีทรัมป์ เริ่มดีเดย์ 7 ส.ค.นี้
0 แชร์

วรวงศ์เรียกร้องวรวงศ์ เรียกร้อง ธปท. กดบาทอ่อน ช่วยผู้ส่งออกสู้ภาษีทรัมป์ เริ่มดีเดย์ 7 ส.ค.นี้
      วรวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เรียกร้อง ธปท. ผ่อนคลายนโยยายการเงิน กดเงินบาทอ่อนช่วยผู้ส่งออกสู้ภาษีทรัมป์อัตรา 19% ที่จะเริ่มบังคับใช้ 7 ส.ค.นี้ เหตุมาตรการเยียวยาของรัฐบาล ทั้งเงินกู้ การหาตลาดใหม่ ช่วยได้เพียงส่วนหนึ่ง ต้องได้ยาแรงมาซ้ำ
      นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 7 ส.ค.2568 ภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ อัตราใหม่ 19% จะมีผลบังคับใช้เป็นวันแรก แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีสัญญาณจากผู้บริหารระดับสูงของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมาตรการใดช่วยผู้ส่งออก จึงขอทวงคำสัญญา 'พร้อมขับเคลื่อน ธปท. เชิงรุก เปิดใจชูจุดยืนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย'
      โดยขอได้โปรดอย่าลอยตัวเหนือปัญหา เนื่องจาก ธปท. ในฐานะผู้กำหนดนโยบายการเงิน มีหน้าที่สำคัญในการลดผลกระทบผู้ประกอบการและลดทอนความเสียหายต่อประชาชน จึงควรพิจารณามาตรการเชิงรุกเพื่อรักษาเสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
     “ในสถานการณ์ที่ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ การไม่ขยับนโยบายการเงินเลย อาจสะท้อนความเฉื่อยชาทางนโยบายมากกว่าความเป็นอิสระของธนาคารกลาง”นายวรวงศ์กล่าว
     นายวรวงศ์ กล่าวว่า ไทยได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีศุลกากรครั้งนี้ เป็นจำนวนมาก และเป็นวงกว้างครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้งภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ มีสัดส่วนถึง 18% ของการส่งออกทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านบาท โดยปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระยะใกล้ คือ อุปสงค์ภายในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง
     ขณะที่ราคาสินค้าปรับสูงขึ้น เนื่องจากมีภาษีศุลกากรช่วยกั้นสินค้านำเข้าไว้ ซึ่งตรงตามจุดประสงค์การขึ้นอัตราภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อช่วยผู้ประกอบการและเกษตรกรภายในประเทศให้มีพื้นที่เพียงพอสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้ มีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น เป็นการเอาใจฐานเสียงของตนเอง แต่ฟากประเทศผู้ส่งออกราคาสินค้าส่งออกจะปรับตัวลดลง
     ทั้งนี้ จากงานศึกษาวิจัยหลายชิ้น บ่งชี้ว่า ผู้ส่งออกจะรับเอาภาษีไว้มากกว่าผู้บริโภค ดังนั้น เท่ากับว่าประเทศผู้ส่งออกสินค้า เป็นผู้แบกรับต้นทุนภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าประเทศปลายทาง ต้นทุนเหล่านี้ จะถูกส่งต่อมายังผู้ผลิต ทำให้ราคาผู้ผลิตตกต่ำลงอย่างหนัก
โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือ เช่น เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft loans) งบประมาณสนับสนุน SME และเกษตรกร รวมถึงการช่วยผู้ประกอบการขยายตลาดใหม่ เป็นต้น ซึ่งสามารถเยียวยาผลกระทบได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
       “ตามทฤษฎี เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ที่สามารถช่วยเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ได้ คือ การแทรกแซงค่าเงิน (Exchange rate intervention) โดยนำเงินบาทซื้อดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ค่าเงินอ่อนค่าลง จุดประสงค์คือการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ป้องกันความผันผวนระยะสั้น พยุงจีดีพีให้สามารถเติบโตได้ตามเดิม ไม่ใช่เพื่อเอื้อการส่งออกโดยตรง จึงไม่ผิดกติการะหว่างประเทศ นอกจากนั้นการลดค่าเงิน ยังช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจอื่น ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ปัญหาค่าแรงต่ำ หนี้ภาคครัวเรือนสูง”นายวรวงศ์กล่าว

 

Click Donate Support Web 

PTG 720x100MTI 720x100Banner GPF720x100 PXTOA 720x100EXIM One 720x90 C JMTL 720x100SME720x100 2024CKPower 720x100

QIC 720x100วิริยะ 720x100aia 720 x100BKI 720 x 100ธกส 720x100ใจฟู720x100pxAXA 720 x100