0

0 แชร์

 กระทรวงมหาสมุทรและประมงร่วมกับสหกรณ์การประมงแห่งชาติเกาหลี นำทัพบริษัทอาหารทะเลเกาหลีชั้นนำ จัดงานประชุมธุรกิจ O2O ในประเทศไทย ประจำปี 2025 ได้อย่างประสบความสำเร็จ จัดงานประชุมธุรกิจ O2O (Online to Offline) เพื่อนำเข้าส่งออกสินค้าประมงเกาหลี-ไทย เพิ่มการรับรู้ผ่าน ‘การจับคู่ทางธุรกิจแบบ 1:1’ และ ‘กิจกรรมส่งเสริมการขายแบบ B2C’

     รัฐบาลเกาหลี (โดยกระทรวงมหาสมุทรและประมง) และสหกรณ์การประมงแห่งชาติเกาหลี องค์กรประมงที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการจัดงานประชุมธุรกิจ (The O2O Korean Seafood Business Meeting In Thailand 2025) ระหว่างวันพุธที่ 16 ถึงศุกร์ที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ (Terminal 21) กรุงเทพมหานคร ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 7 โดยมีศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี ประจำกรุงเทพฯ เป็นผู้รับผิดชอบจัดงาน มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นการค้าผลิตภัณฑ์ประมงและเปิดโอกาสในการลงนามสัญญาส่งออกระหว่างไทย - เกาหลี และเปิดช่องทางสำหรับตลาดประมงแห่งใหม่

   ภายในงานมีการจัดประชุมธุรกิจจับคู่แบบ 1 ต่อ 1 สำหรับสินค้าประมงส่งออกหลักจากเกาหลี โดยจัดให้มีการพบปะกันระหว่างผู้จัดจำหน่ายและผู้นำเข้าหลักในกรุงเทพฯกว่า 40 ราย กับบริษัทผู้ส่งออกชั้นนำจากเกาหลี 20 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยบริษัทที่เข้าร่วมแบบออฟไลน์ 15 แห่ง (เช่น ผู้ผลิตปลาไหล, หอยเป๋าฮื้อ, สาหร่ายทะเล, และผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป) และบริษัทที่เข้าร่วมแบบออนไลน์ 5 แห่ง เช่น ผู้ผลิตหอยนางรมและปลาแมกเคอเรล

    และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่างศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี ทั้ง 11 แห่งใน 8 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อขยายช่องทางการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงของเกาหลี ในปีนี้จึงได้มีการจัดงานประชุมธุรกิจแบบต่อเนื่องที่ `ศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี ประจำโฮจิมินห์และกรุงเทพฯ` โดยระหว่างวันจันทร์ที่ 13 ถึงวันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 ผู้ส่งออกที่ได้รับคัดเลือกกลุ่มนี้ได้เข้าร่วมประชุมเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ประมงในท้องถิ่น รวมถึงได้รับบริการให้คำปรึกษาด้านโลจิสติกส์และพิธีการศุลกากรโดยผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

       ด้านศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี ประจำกรุงเทพฯ เอง ก็ได้จัดสัมมนาการค้าและการสำรวจตลาดในห้างค้าสรรพสินค้าชั้นนำสำหรับบริษัทที่พึ่งริเริ่มการส่งออกมายังประเทศไทยเช่นกัน นอกจากนี้ ในวันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ยังจัดป๊อปอัพสโตร์สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ณ อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานในย่านสาทร โดยมีจุดประสงค์เพื่อแนะนำและจัดแสดงสินค้าหลักจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานประชุมธุรกิจ เพื่อกระตุ้นความสนใจในผลิตภัณฑ์อาหารทะเลเกาหลีภายใต้แบรนด์ K-Seafood พร้อมทั้งจัดกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียและการแจกของรางวัล เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคทั่วไปอีกด้วย 

    เจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี ประจำกรุงเทพฯ ภายใต้สหกรณ์การประมงแห่งชาติเกาหลี เปิดเผยว่า ในปีนี้ ได้มีการเจรจาทางการค้าทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์รวม 156 ครั้ง คิดเป็นมูลค่า 13,330,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในจำนวนนี้ มีการลงนาม MOU รวม 11 ฉบับ มูลค่า 5,400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และสัญญาซื้อขาย 1 ฉบับ มูลค่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ รวมเป็นมูลค่ากว่า 5,900,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าที่มีการลงนาม MOU ในครั้งนี้ ได้แก่ คิมบูกัก (สาหร่ายทอดเกาหลี), หอยเชลล์, ฮวังแท (ปลาพอลล็อคแห้ง) และเกลือ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสนใจในวัตถุดิบอาหารเกาหลีในตลาด HoReCa ของไทยยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

      นางกึมจู แบค ประธานศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า “การประชุมธุรกิจในครั้งนี้ ได้ขยายช่องทางการตลาดด้วยการดึงดูดผู้ซื้อรายใหม่ และยังช่วยเพิ่มการรับรู้ของผู้บริโภคผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายแบบ B2C ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นรากฐานในการจัดหาสินค้าประมงเกาหลีที่หลากหลายและมีคุณภาพดีเยี่ยมในอนาคต” ทั้งยังกล่าวเสริมว่า “ในอนาคต เราวางแผนที่จะยกระดับคุณภาพของการเจรจาธุรกิจส่งออก โดยพยายามนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้กับการค้า เพื่อสนับสนุนการขยายช่องทางการตลาดสินค้าประมง และการเติบโตของตลาด HoReCa ระหว่างเกาหลีและไทย” 

     ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประมงในประเทศไทย ที่สนใจนำเข้าผลิตภัณฑ์ประมงเกาหลี สามารถเข้าเยี่ยมชมศูนย์ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศประจำกรุงเทพ ฯ สหกรณ์ประมงแห่งชาติเกาหลี หรือติดต่อเพื่อเข้าร่วม หรือขอรับคำปรึกษาด้านการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงเกาหลีหลากหลายชนิด ได้ทั้งทางอีเมล (This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.) และหมายเลขโทรศัพท์ (02-057-4030)

 เกี่ยวกับ สหกรณ์การประมงแห่งชาติเกาหลี
      สหกรณ์การประมงแห่งชาติเกาหลี มีการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี 11 แห่งใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน และให้การสนับสนุนการตลาดในท้องถิ่น การสนับสนุนพื้นที่สำนักงาน การให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการแนะนำเกี่ยวกับด้านการแปลภาษาและการพัฒนาช่องทางการขายเพื่อส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงของเกาหลี ทั้งนี้ ศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี ประจำกรุงเทพฯ เปิดทำการเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2018 โดยตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ สาทร

7390

Click Donate Support Web